หัวเรื่องกระทู้: สนง.แม่กองธรรมสนามหลวง :: ขอบข่ายหลักสูตรธรรมศึกษา ชั้นเอก ฉบับปรับปรุง ๒๕๕๗

โพสโดย phng เมื่อ 27-07-2017 16:51
#1

ขอบข่ายหลักสูตรธรรมศึกษา ชั้นเอก
ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๕๗

~ ~ ~ o ~ ~ ~
วิชาเรียงความแก้กระทู้ธรรม

๑. อัปปมาทวรรค คือ หมวดไม่ประมาท
๑. อปฺปมตฺตา สตีมนฺโต สุสีลา โหถ ภิกฺขโว
สุสมาหิตสงฺกปฺปา สจิตฺตมนุรกฺขถ.

ภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ มีศีลดีงาม
ตั้งความดำริไว้ให้ดี คอยรักษาจิตใจของตน.
(พุทฺธ) ที. มหา. ๑๐/๑๔๒.

๒. อปฺปมาทรตา โหถ สจิตฺตมนุรกฺขถ
ทุคฺคา อุทฺธรถตฺตานํ ปงฺเก สนฺโนว กุญฺชโร.

ท่านทั้งหลาย จงยินดีในความไม่ประมาท คอยรักษาจิตของตน,
จงถอนตนขึ้นจากหล่ม เหมือนช้างที่ตกหล่มถอนตนขึ้นฉะนั้น.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๕๘.

๓. อปฺปมาทรโต ภิกฺขุ ปมาเท ภยทสฺสิ วา
สญฺโญชนํ อณุํ ถูลํ ฑหํ อคฺคีว คจฺฉติ.

ภิกษุยินดีในความไม่ประมาท หรือเห็นภัยในความประมาท
ย่อมเผาสังโยชน์ น้อยใหญ่ไป เหมือนไฟไหม้เชื้อน้อยใหญ่ไปฉะนั้น.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๑๙.

๔. อปฺปมาทรโต ภิกฺขุ ปมาเท ภยทสฺสิ วา
อภพฺโพ ปริหานาย นิพฺพานสฺเสว สนฺติเก.

ภิกษุยินดีในความไม่ประมาท หรือเห็นภัยในความประมาท
เป็นผู้ไม่ควรเพื่อจะเสื่อม (ชื่อว่า) อยู่ใกล้พระนิพพานทีเดียว.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๑๙.

๕. เอวํวิหารี สโต อปฺปมตฺโต
ภิกฺขุ จรํ หิตฺวา มมายิตานิ
ชาติชรํ โสกปริทฺทวญฺจ
อิเธว วิทฺวา ปชเหยฺย ทุกฺขํ.

ภิกษุผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่อย่างนี้ มีสติ ไม่ประมาท
ละความถือมั่นว่าของเราได้แล้วเที่ยวไป เป็นผู้รู้
พึงละชาติ ชรา โสกะ ปริเทวะ และทุกข์ ในโลกนี้ได้.
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๕๓๕., ขุ. จู. ๓๐/๙๒.

๖. อุฏฺฐาเนนปฺปมาเทน สญฺเมน ทเมน จ
ทีปํ กยิราถ เมธาวี ยํ โอโฆ นาภิกีรติ.

คนมีปัญญา พึงสร้างเกาะ ที่น้ำหลากมาท่วมไม่ได้
ด้วยความหมั่น ความไม่ประมาท ความสำรวม และความข่มใจ.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๑๘.

๒. จิตตวรรค คือ หมวดจิต
๗. อนวสฺสุตจิตฺตสฺส อนนฺวาหตเจตโส
ปุญฺญปาปปหีนสฺส นตฺถิ ชาครโต ภยํ.

ผู้มีจิตอันไม่ชุ่มด้วยราคะ มีใจอันโทสะไม่กระทบแล้ว
มีบุญและบาปอันละ ได้แล้ว ตื่นอยู่ ย่อมไม่มีภัย.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๒๐.

๘. กุมฺภูปมํ กายมิมํ วิทิตฺวา
นครูปมํ จิตฺตมิทํ ถเกตฺวา
โยเธถ มารํ ปญฺญาวุเธน
ชิตญฺจ รกฺเข อนิเวสโน สิยา.

บุคคลรู้กายนี้ที่เปรียบด้วยหม้อ
กั้นจิตที่เปรียบด้วยเมืองนี้แล้ว
พึงรบมารด้วยอาวุธคือปัญญา
และพึงรักษาแนวที่ชนะไว้ ไม่พึงยับยั้งอยู่.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๒๐.

๙. จิตฺเตน นียติ โลโก จิตฺเตน ปริกสฺสติ
จิตฺตสฺส เอกธมฺมสฺส สพฺเพว วสมนฺวคู.

โลกถูกจิตนำไป ถูกจิตชักไป,
สัตว์ทั้งปวงไปสู่อำนาจแห่งจิตอย่างเดียว.
(พุทฺธ) สํ. ส. ๑๕/๕๔.

๑๐. ตณฺหาธิปนฺนา วตฺตสีลพทฺธา
ลูขํ ตปํ วสฺสสตํ จรนฺตา
จิตฺตญฺจ เนสํ น สมฺมา วิมุตฺตํ
หีนตฺตรูปา น ปารงฺคมา เต.

ผู้ถูกตัญหาครอบงำ ถูกศีลพรตผูกมัด
ประพฤติตบะอันเศร้าหมองตั้งร้อยปี,
จิตของเขาก็หลุดพ้นด้วยดีไม่ได้.
เขามีตนเลว จะถึงฝั่งไม่ได้.
(พุทฺธ) สํ. ส. ๑๕/๔๐.

๑๑. ทุนฺนิคฺคหสฺส ลหุโน ยตฺถ กามนิปาติโน
จิตฺตสฺส ทมโถ สาธุ จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ.

การฝึกจิตที่ข่มยาก ที่เบา มักตกไปในอารมณ์ที่น่าใคร่
เป็นความดี, (เพราะว่า) จิตที่ฝึกแล้ว นำสุขมาให้.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๑๙.

๑๒. ปทุฏฺฐจิตฺตสฺส น ผาติ โหติ
น จาปิ นํ เทวตา ปูชยนฺติ
โย ภาตรํ เปตฺติกํ สาปเตยฺยํ
อวญฺจยี ทุกฺกฏกมฺมการี.

ผู้ใดทำกรรมชั่ว ล่อลวงเอาทรัพย์สมบัติพี่น้องพ่อแม่
ผู้นั้นมีจิตชั่วร้าย ย่อมไม่มีความเจริญ แม้เทวดาก็ไม่บูชาเขา.
(เทว) ขุ. ชา. ติก. ๒๗/๑๒๐.

๑๓. ภิกฺขุ สิยา ฌายิ วิมุตฺตจิตฺโต
อากงฺเข เว หทยสฺสานุปตฺตึ
โลกสฺส ญตฺวา อุทยพฺพยญฺจ
สุเจตโส อนิสฺสิโต ตทานิสํโส.

ภิกษุเพ่งพินิจ มีจิตหลุดพ้น
รู้ความเกิดและความเสื่อมแห่งโลกแล้ว
มีใจดี ไม่ถูกกิเลสอาศัย มีธรรมนั้นเป็นอานิสงส์
พึงหวังความบริสุทธิ์แห่งใจได้.
(เทว) สํ. ส. ๑๔/๗๓.

๑๔. โย อลีเนน จิตฺเตน อลีนมนโส นโร
ภาเวติ กุสลํ ธมฺมํ โยคกฺเขมสฺส ปตฺติยา
ปาปุเณ อนุปุพฺเพน สพฺพสํโยชนกฺขยํ.

คนใดมีจิตไม่ท้อถอย มีใจไม่หดหู่
บำเพ็ญกุศลธรรม เพื่อบรรลุธรรมที่เกษมจากโยคะ
พึงบรรลุธรรมเป็นที่สิ้นสังโยชน์ทั้งปวงได้.
(พุทฺธ) ขุ. ชา. เอก. ๒๗/๑๘.

๑๕. สุทุทฺทสํ สุนิปุณํ ยตฺถ กามนิปาตินํ
จิตฺตํ รกฺเขถ เมธาวี จิตฺตํ คุตฺตํ สุขาวหํ.

ผู้มีปัญญา พึงรักษาจิตที่เห็นได้ยากนัก
ละเอียดนัก มักตกไปในอารมณ์ที่น่าใคร่,
(เพราะว่า) จิตที่คุ้มครองแล้ว นำสุขมาให้.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๑๙.

๓. ธัมมวรรค คือ หมวดธรรม
๑๖. อตฺถงฺคตสฺส น ปมาณมตฺถิ
เยน นํ วชฺชุ ตํ ตสฺส นตฺถิ
สพฺเพสุ ธมฺเมสุ สมูหเตสุ
สมูหตา วาทปถาปิ สพฺเพ.

ท่านผู้ดับไป (คือปรินิพพาน) แล้ว ไม่มีประมาณ,
จะพึงกล่าวถึงท่านนั้นด้วยเหตุใด เหตุนั้นของท่านก็ไม่มี,
เมื่อธรรมทั้งปวง (มีขันธ์เป็นต้น) ถูกเพิกถอนแล้ว
แม้คลองแห่งถ้อยคำที่จะพูดถึง (ว่าผู้นั้นเป็นอะไร)
ก็เป็นอันถูกเพิกถอนเสียทั้งหมด.
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๕๓๙., ขุ. จู. ๓๐/๑๓๙.

๑๗. อาทานตณฺหํ วินเยถ สพฺพํ
อุทฺธํ อโธ ติริยํ วาปิ มชฺเฌ
ยํ ยํ หิ โลกสฺมึ อุปาทิยนฺติ
เตเนว มาโร อนฺเวติ ชนฺตุํ .

พึงขจัดตัณหาที่เป็นเหตุถือมั่นทั้งปวง
ทั้งเบื้องสูง เบื้องต่ำ เบื้องขวาง ท่ามกลาง,
เพราะเขาถือมั่นสิ่งใด ๆ ในโลกไว้
มารย่อมติดตามเขาไป เพราะสิ่งนั้น ๆ.
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๕๔๖., ขุ. จู. ๓๐/๒๐๒.

๑๘. อุจฺฉินฺท สิเนหมตฺตโน
กุมุทํ สารทิกํว ปาณินา
สนฺติมคฺคเมว พฺรูหย
นิพฺพานํ สุคเตน เทสิตํ.

จงเด็ดเยื่อใยของตนเสีย เหมือนเอาฝ่ามือเด็ดบัวในฤดูแล้ง
จงเพิ่มพูนทางสงบ (ให้ถึง) พระนิพพานที่พระสุคตทรงแสดงแล้ว.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๕๓.

๑๙. โอวเทยฺยานุสาเสยฺย อสพฺภา จ นิวารเย
สตํ หิ โส ปิโย โหติ อสตํ โหติ อปฺปิโย.

บุคคลควรเตือนกัน ควรสอนกัน และป้องกันจากคนไม่ดี
เพราะเขาย่อมเป็นที่รักของคนดี แต่ไม่เป็นที่รักของคนไม่ดี.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๒๕.

๒๐. กาเมสุ พฺรหฺมจริยวา วีตตณฺโห สทา สโต
สงฺขาย นิพฺพุโต ภิกฺขุ ตสฺส โน สนฺติ อิญฺชิตา.

ภิกษุผู้เห็นโทษในกาม มีความประพฤติประเสริฐ ปราศจากตัณหา
มีสติทุกเมื่อพิจารณาแล้ว ดับกิเลสแล้ว ย่อมไม่มีความหวั่นไหว.
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๕๓๑., ขุ. จู. ๓๐/๓๕.

๒๑. ขตฺติโย จ อธมฺมฏฺโฐ เวสฺโส จาธมฺมนิสฺสิโต
เต ปริจฺจชฺชุโภ โลเก อุปปชฺชนฺติ ทุคฺคตึ.

กษัตริย์ไม่ทรงตั้งอยู่ในธรรม และแพศย์ (คนสามัญ) ไม่อาศัยธรรม
ชนทั้ง ๒ นั้นละโลกแล้ว ย่อมเข้าถึงทุคติ.
(พุทฺธ) ขุ. ชา. ปญฺจก. ๒๗/๑๗๕.

๒๒. คตทฺธิโน วิโสกสฺส วิปฺปมุตฺตสฺส สพฺพธิ
สพฺพคนฺถปฺปหีนสฺส ปริฬาโห น วิชฺชติ.

ท่านผู้มีทางไกลอันถึงแล้ว หายโศก หลุดพ้นแล้วในธรรมทั้งปวง
ละกิเลสเครื่องร้อยรัดทั้งปวงแล้ว ย่อมไม่มีความเร่าร้อน.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๒๗.

๒๓. จเช ธนํ องฺควรสฺส เหตุ
องฺคํ จเช ชีวิตํ รกฺขมาโน
องฺคํ ธนํ ชีวิตญฺจาปิ สพฺพํ
จเช นโร ธมฺมมนุสฺสรนฺโต.

พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ, เมื่อรักษาชีวิตพึงสละอวัยวะ,
เมื่อคำนึงถึงธรรม พึงสละอวัยวะ ทรัพย์ และแม้ชีวิต ทุกอย่าง.
(โพธิสตฺต) ขุ. ชา. อสีติ. ๒๘/๑๔๗.

๒๔. ฉนฺทชาโต อนกฺขาเต มนสา จ ผุโฐ สิยา
กาเม จ อปฏิพทฺธจิตฺโต อุทฺธํโสโตติ วุจฺจติ.

พึงเป็นผู้พอใจและประทับใจในพระนิพพานที่บอกไม่ได้
ผู้มีจิตไม่ติดในกาม ท่านเรียกว่า ผู้มีกระแสอยู่เบื้องบน.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๔๔.

๒๕. ชิฆจฺฉา ปรมา โรคา สงฺขารา ปรมา ทุกฺขา
เอตํ ญตฺวา ยถาภูตํ นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ.

ความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง สังขารเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
รู้ข้อนั้นตามเป็นจริงแล้ว ดับเสียได้ เป็นสุขอย่างยิ่ง.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๔๒.

๒๖. ชีรนฺติ เว ราชรถา สุจิตฺตา
อโถ สรีรมฺปิ ชรํ อุเปติ
สตญฺจ ธมฺโม น ชรํ อุเปติ
สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺติ.

ราชรถอันงดงามย่อมคร่ำคร่า แม้ร่างกายก็เข้าถึงชรา
ส่วนธรรมของสัตบุรุษ ย่อมไม่เข้าถึงชรา สัตบุรุษกับสัตบุรุษเท่านั้นย่อมรู้กันได้.
(พุทฺธ) สํ. ส. ๑๕/๑๐๒.

๒๗. เต ฌายิโน สาตติกา นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกมา
ผุสนฺติ ธีรา นิพฺพานํ โยคกฺเขมํ อนุตฺตรํ.

ผู้ฉลาดนั้นเป็นผู้เพ่งพินิจ มีความเพียรติดต่อ บากบั่นมั่นคงเป็นนิตย์
ย่อมถูกต้อง พระนิพพานอันปลอดจากโยคะ หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๑๘.

๒๘. ทุกฺขเมว หิ สมฺโภติ ทุกฺขํ ติฏฺฐติ เวติ จ
นาญฺญตฺร ทุกฺขา สมฺโภติ นาญฺญตฺร ทุกฺขา นิรุชฺฌติ.

ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์ย่อมตั้งอยู่ และเสื่อมไป
นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ.
(ภิกฺขุณี) สํ. ส. ๑๕/๑๙๙., ขุ. มหา. ๒๙/๕๓๖.

๒๙. ธมฺโม ปโถ มหาราช อธมฺโม ปน อุปฺปโถ
อธมฺโม นิรยํ เนติ ธมฺโม ปาเปติ สุคตึ.

มหาราช ! ธรรมเป็นทาง (ควรดำเนินตาม)
ส่วนอธรรมนอกลู่นอกทาง (ไม่ควรดำเนินตาม)
อธรรมนำไปนรก ธรรมให้ถึงสวรรค์.
(โพธิสตฺต) ขุ. ชา. สฏฺฐิ ๒๘/๓๙.

๓๐. นนฺทิสญฺโชโน โลโก วิตกฺกสฺส วิจารณา
ตณฺหาย วิปฺปหาเนน นิพฺพานํ อิติ วุจฺจติ.

สัตว์โลกมีความเพลินเป็นเครื่องผูกพัน มีวิตกเป็นเครื่องเที่ยวไป
ท่านเรียกว่านิพพาน เพราะละตัณหาได้.
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๕๔๗,. ขุ. จู. ๓๐/๒๑๖,๒๑๗.

๓๑. นาญฺญตฺร โพชฺฌาตปสา นาญฺญตฺร อินฺทฺริยสํวรา
นาญฺญตฺร สพฺพนิสฺสคฺคา โสตฺถึ ปสฺสามิ ปาณินํ.

เรา (ตถาคต) ไม่เห็นความสวัสดีของสัตว์ทั้งหลำย นอกจากปัญญา
ความเพียร ความระวังตัวและการสละสิ่งทั้งปวง.
(พุทฺธ) สํ. ส. ๑๕/๗๕.

๓๒. ปญฺจกฺขนฺธา ปริญฺญาตา ติฏฺฐนฺติ ฉินฺนมูลกา
ทุกฺขกฺขโย อนุปฺปตฺโต นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว.

เบญจขันธ์ที่กำหนดรู้แล้ว มีรากขาดตั้งอยู่
ถึงความสิ้นทุกข์แล้ว ก็ไม่มีภพ ต่อไปอีก.
(เถรี) ขุ. เถรี. ๒๖/๓๓๔.

๓๓. ปตฺตา เต นิพฺพานํ เย ยุตฺตา ทสพลสฺส ปาวจเน
อปฺโปสฺสุกฺกา ฆเฏนฺติ ชาติมรณปฺปหานาย.

ผู้ใดประกอบในธรรมวินัยของพระทศพล มีความขวนขวายน้อย
พากเพียรละความเกิดความตาย ผู้นั้นย่อมบรรลุพระนิพพาน.
(เถร) ขุ. เถร. ๒๖/๕๐๒.

๓๔. พหุสฺสุตํ อุปาเสยฺย สุตญฺจ น วินาสเย
ตํ มูลํ พฺรหฺมจริยสฺส ตสฺมา ธมฺมธโร สิยา.

พึงนั่งใกล้ผู้เป็นพหูสูต และไม่พึงทำสุตะให้เสื่อม
สุตะนั้นเป็นรากแห่งพรหมจรรย์ เพราะฉะนั้น ควรเป็นผู้ทรงธรรม.
(เถร) ขุ. เถร. ๒๖/๔๐๖.

๓๕. มคฺคานฏฺฐงฺคิโก เสฏฺโฐ สจฺจานํ จตุโร ปทา
วิราโค เสฏฺโฐ ธมฺมานํ ทิปทานญฺจ จกฺขุมา.

บรรดาทางทั้งหลาย ทางมีองค์ ๘ ประเสริฐสุด,
บรรดาสัจจะทั้งหลาย บท ๔ ประเสริฐสุด,
บรรดาธรรมทั้งหลาย วิราคธรรมประเสริฐสุด,
และบรรดาสัตว์ ๒ เท้าทั้งหลาย พระพุทธเจ้าผู้มีจักษุประเสริฐสุด.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๕๑.

๓๖. ยตฺถ นามญฺจ รูปญฺจ อเสสํ อุปรุชฺฌติ
วิญฺญาณสฺส นิโรเธน เอตฺเถตํ อุปรุชฺฌติ.

นามและรูปย่อมดับไม่เหลือในที่ใด
นามและรูปนี้ย่อมดับไปในที่นั้น เพราะวิญญาณดับ.
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๕๓๑., ขุ. จู. ๓๐/๒๑.

๓๗. ยมฺหิ สจฺจญฺจ ธมฺโม จ อหึสา สญฺโม ทโม
เอตทริยา เสวนฺติ เอตํ โลเก อนามตํ.

สัจจะ ธรรมะ อหิงสา สัญญมะ และทมะ มีอยู่ในผู้ใด
อารยชนย่อมคบผู้นั้น นั่นเป็นธรรมอันไม่ตายในโลก.
(โพธิสตฺต) ขุ. ชา. ทุก. ๒๗/๕๘.

๓๘. ยานิ โสตานิ โลกสฺมึ สติ เตสํ นิวารณํ
โสตานํ สํวรํ พฺรูหิ ปญฺญาเยเต ปิถิยฺยเร

กระแสเหล่าใดมีอยู่ในโลก สติเป็นเครื่องกั้นกระแสเหล่านั้น
เรากล่าวว่าสติเป็นเครื่องกั้นกระแส กระแสเหล่านั้นอันบุคคลปิดกั้นได้ด้วยปัญญา
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๕๓๐., ขุ. จู. ๓๐/๑๖,๒๐.

๓๙. เย สนฺตจิตฺตา นิปกา สติมนฺโต จ ฌายิโน
สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสนฺติ กาเมสุ อนเปกฺขิโน.

ผู้มีจิตสงบ มีปัญญาเครื่องรักษาตัว มีสติ เป็นผู้เพ่งพินิจ
ไม่เยื่อใยในกาม ย่อมเห็นธรรมโดยชอบ.
(พุทฺธ) ขุ. อิติ. ๒๕/๒๖๐.

๔๐. โย จ ปปญฺจํ หิตฺวาน นิปฺปปญฺจปเท รโต
อาราธยิ โส นิพฺพานํ โยคกฺเขมํ อนุตฺตรํ.

ผู้ใดละปปัญจธรรมที่ทำให้เนิ่นช้าได้แล้ว ยินดีในธรรมที่ไม่มีสิ่งที่ทำให้เนิ่นช้า
ผู้นั้นก็บรรลุพระนิพพานอันปลอดจากโยคะ ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า.
(เถร) องฺ. ฉกฺก. ๒๒/๓๒๙.

๔๑. สกํ หิ ธมฺมํ ปริปุณฺณมาหุ
อญฺญสฺส ธมฺมํ ปน หีนมาหุ
เอวมฺปิ วิคฺคยฺห วิวาทยนฺติ
สกํ สกํ สมฺมติมาหุ สจฺจํ.

สมณพราหมณ์บางเหล่ากล่าวธรรมของตนว่าบริบูรณ์,
แต่กล่าวธรรมของผู้อื่น ว่าเลว (บกพร่อง ),
เขาย่อมทะเลาะวิวาทกัน แม้ด้วยเหตุนี้
เพราะต่างก็กล่าวข้อสมมติของตน ๆ ว่าเป็นจริง.
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๕๑๑., ขุ. มหา. ๒๙/๓๘๓.

๔๒. สมฺมปฺปธานสมฺปนฺโน สติปฏฺฐานโคจโร
วิมุตฺติกุสุสญฺฉนฺโน ปรินิพฺพายิสฺสตฺยนาสโว.

ผู้ถึงพร้อมด้วยสัมมัปปธาน มีสติปัฏฐานเป็นอารมณ์
ดาดาษด้วยดอกไม้ คือวิมุตติ หาอาสวะมิได้ จักปรินิพพาน.
(เถร) ขุ. เถร. ๒๖/๒๘๒.

๔๓. สุสุขํ วต นิพฺพานํ สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ
อโสกํ วิรชํ เขมํ ยตฺถ ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ.

พระนิพพานที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว
ไม่มีโศก ปราศจากธุลี เกษม เป็นที่ดับทุกข์ เป็นสุขดีหนอ.
(เถร) ขุ. เถร. ๒๖/๓๐๙.

๔๔. โสรจฺจํ อวิหึสา จ ปาทา นาคสฺส เต ทุเว
สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ จรณา นาคสฺส เต ปเร.

โสรัจจะและอวิหิงสานั้น เป็นช้างเท้าหลัง
สติและสัมปชัญญะนั้น เป็นช้างเท้าหน้า.
(เถร) ขุ. เถร. ๒๖/๓๖๘.

๔๕. หีนํ ธมฺมํ น เสเวยฺย ปมาเทน น สํวเส
มิจฺฉาทิฏฺฐึ น เสเวยฺย น สิยา โลกวฑฺฒโน.

ไม่ควรเสพธรรมที่เลว ไม่ควรอยู่กับความประมาท
ไม่ควรเสพมิจฉาทิฏฐิ ไม่ควรเป็นคนรกโลก.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๓๗.

๔๖. หีเนน พฺรหฺมจริเยน ขตฺติเย อุปปชฺชติ
มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ อุตฺตเมน วิสุชฺฌติ.

บุคคลย่อมเข้าถึงความเป็นกษัตริย์ ด้วยพรหมจรรย์อย่างเลว,
ถึงความเป็นเทวดา ด้วยพรหมจรรย์อย่างกลาง, ย่อมบริสุทธิ์ ด้วยพรหมจรรย์อย่างสูง.
(พุทฺธ) ขุ. ชา. มหา. ๒๘/๑๙๙.

๔. วิริยวรรค คือ หมวดความเพียร
๔๗. โกสชฺชํ ภยโต ทิสฺวา วิริยารมฺภญฺจ เขมโต
อารทฺธวิริยา โหถ เอสา พุทฺธานุสาสนี.

ท่านทั้งหลายจงเห็นความเกียจคร้านเป็นภัย
และเห็นการปรารภความเพียรเป็นความปลอดภัย
แล้วปรารภความเพียรเถิด นี้เป็นพุทธานุศาสนี.
(พุทฺธ) ขุ. จริยา. ๓๓/๕๙๕.

๔๘. ตุมฺเหหิ กิจฺจํ อาตปฺปํ อกฺขาตาโร ตถาคตา
ปฏิปนฺนา ปโมกฺขนฺติ ฌายิโน มารพนฺธนา.

ท่านทั้งหลายต้องทำความเพียรเอง ตถาคตเป็นแต่ผู้บอก
ผู้มีปกติเพ่งพินิจดำเนินไปแล้ว จักพ้นจากเครื่องผูกของมาร.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๕๑.

๔๙. นิทฺทํ ตนฺทึ วิชิมฺหิตํ อรตึ ภตฺตสมฺมทํ
วิริเยน นํ ปณาเมตฺวา อริยมคฺโค วิสุชฺฌติ.

อริยมรรคย่อมบริสุทธิ์ เพราะขับไล่ความหลับ ความเกียจคร้าน
ความบิดขี้เกียจ ความไม่ยินดี และความเมาอาหารนั้นได้ด้วยความเพียร.
(พุทฺธ) สํ. ส. ๑๕/๑๐.

๕๐. โย จ วสฺสสตํ ชีเว กุสีโต หีนวีริโย
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย วิริยํ อารภโต ทฬฺหํ.

ผู้ใดเกียจคร้าน มีความเพียรเลว พึงเป็นอยู่ตั้งร้อยปี
แต่ผู้ปรารภความเพียรมั่นคง มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียว ประเสริฐกว่าผู้นั้น.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๓๐.

๕๑. สพฺพทา สีลสมฺปนฺโน ปญฺญวา สุสมาหิโต
อารทฺธวิริโย ปหิตตฺโต โอฆํ ตรติ ทุตฺตรํ.

ผู้ถึงพร้อมด้วยศีล มีปัญญา มีใจมั่นคงดีแล้ว ปรารภความเพียร
ตั้งตนไว้ในกาลทุกเมื่อ ย่อมข้ามโอฆะที่ข้ามได้ยาก.
(พุทฺธ) สํ. ส. ๑๕/๗๕.

๕. สามัคคีวรรค คือ หมวดสามัคคี
๕๒. วิวาทํ ภยโต ทิสฺวา อวิวาทญฺจ เขมโต
สมคฺคา สขิลา โหถ เอสา พุทฺธานุสาสนี.

ท่านทั้งหลายจงเห็นความวิวาทโดยความเป็นภัย
และความไม่วิวาทโดยความปลอดภัยแล้ว เป็นผู้พร้อมเพรียง
มีความประนีประนอมกันเถิด นี้เป็นพระพุทธานุศาสนี.
(พุทฺธ) ขุ. จริยา. ๓๓/๕๙๕.

๕๓. สามคฺยเมว สิกฺเขถ พุทฺเธเหตํ ปสํสิตํ
สามคฺยรโต ธมฺมฏฺโฐ โยคกฺเขมา น ธํสติ.

พึงศึกษาความสามัคคี ความสามัคคีนั้น ท่านผู้รู้ทั้งหลายสรรเสริญแล้ว,
ผู้ยินดี ในสามัคคี ตั้งอยู่ในธรรม ย่อมไม่คลาดจากธรรมอันเกษมจากโยคะ.
(พุทฺธ) ขุ. ชา. เตรส. ๒๗/๓๔๖.

๕๔. สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี สมคฺคานญฺจนุคฺคโห
สมคฺครโต ธมฺมฏฺโฐ โยคกฺเขมา น ธํสติ.

ความพร้อมเพรียงของหมู่เป็นสุข และการสนับสนุนคนผู้พร้อมเพรียงกัน ก็เป็นสุข,
ผู้ยินดีในคนผู้พร้อมเพรียงกัน ตั้งอยู่ในธรรม ย่อมไม่คลาดจากธรรมอันเกษมจากโยคะ.
(พุทฺธ) ขุ. อิติ. ๒๕/๒๓๘.

วิชาธรรมวิจารณ์

ความรู้เบื้องต้น
ส่วนปรมัตถปฏิปทา
นิพพิทา ความหน่าย
ปฏิปทาแห่งนิพพิทา
วิราคะ ความสิ้นกำหนัด
วิมุตติ ความหลุดพ้น
วิสุทธิ ความหมดจด
สันติ ความสงบ
นิพพาน ความดับทุกข์

ส่วนสังสารวัฏ
คติ
ทุคติ
สุคติ
กรรม ๑๒
หัวใจสมถกัมมัฏฐาน
สมถกัมมัฏฐาน
พุทธคุณกถา
วิปัสสนากัมมัฏฐาน

วิชาพุทธานุพุทธประวัติ

ปริเฉทที่ ๑ ชาติกถา
จุติลงสู่พระครรภ์
ประวัติชมพูทวีปและประชาชน
ความเชื่อของคนในยุคนั้น
การสร้างเมืองกบิลพัสดุ์และตั้งศากยวงศ์
ลำดับพระวงศ์
พระมารดาทรงพระสุบินนิมิต
พระโพธิสัตว์ประสูติ
มหาปุริสลักษณะ ๓๒
อนุพยัญชนะ ๘๐
อาสภิวาจา
สหชาติ
ขนานพระนาม
พราหมณ์ ๘ คน ทำนายพระลักษณะ
พระนางสิริมหามายาทิวงคต
พระราชพิธีวัปปมงคล
ทรงอภิเษกสมรส

ปริเฉทที่ ๒ บรรพชา
ประพาสอุทยาน
ราหุลประสูติ
กีสาโคตมีชมโฉม
มูลเหตุให้เสด็จออกบรรพชา
เสด็จห้องพระนางพิมพา
เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์
ทรงทดลองปฏิบัติตามลัทธิต่าง ๆ
อุปมา ๓ ข้อ
ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา ๓ วาระ
ปัญจวัคคีย์ออกบวชตาม
นางสุขาดาถวายข้าวมธุปายาส
พระสุบินนิมิต
ทรงลอยถาด
เสด็จสู่ต้นพระศรีมหาโพธิ์
ทรงผจญวสวัตตีมาร
บำเพ็ญเพียรทางใจและได้ตรัสรู้

ปริเฉทที่ ๓ สัตตมหาสถาน
เสวยวิมุตติสุข
สหัมบดีพรหมอาราธนา

ปริเฉทที่ ๔ ประกาศพระศาสนา
เสด็จโปรดฤษีปัญจวัคคีย์
ทรงแสดงปฐมเทศนา
โกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม
ทรงประทานการบวชด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา
ทรงแสดงอนัตตลักขณสูตร
โปรดยสกุลบุตร
ปฐมอุบาสกอุบาสิกาในพระพุทธศาสนา
สหายพระยสะ ๕๔ คน ออกบวช
ส่งพระสาวก ๖๐ องค์ ไปประกาศพระศาสนา
ประทานอุปสมบทแก่ภัททวัคคีย์
โปรดชฎิล ๓ พี่น้อง และบริวาร
ทรงแสดงอาทิตตปริยายสูตร
โปรดพระเจ้าพิมพิสาร
ทรงรับสวนเวฬุวันเป็นอารามสงฆ์

ปริเฉทที่ ๕ ทรงบำเพ็ญพุทธกิจ
พระอัครสาวกทั้งสอง
พระสารีบุตร
พระมหาโมคคัลลานะ

ปริเฉทที่ ๖ ศิษย์พราหมณ์พาวรี ๑๖ คน
ปัญหาอชิตมาณพ
ปัญหาติสสเมตเตยยมาณพ
ปัญหาปุณณกมาณพ
ปัญหาเมตตคูมาณพ
ปัญหาโธตกมาณพ
ปัญหาอุปสีวมาณพ
ปัญหานันทมาณพ
ปัญหาเหมกมาณพ
ปัญหาโตเทยยมาณพ
ปัญหากัปปมาณพ
ปัญหาชตุกัณณีมาณพ
ปัญหาภัทราวุธมาณพ
ปัญหาอุทยมาณพ
ปัญหาโปสาลมาณพ
ปัญหาโมฆราชมาณพ
ปัญหาปิงคิยมาณพ
มาณพ ๑๖ คน ทูลขออุปสมบท

ปริเฉทที่ ๗ ประทานการบวชด้วยวิธีญัตติจตุตถกรรมวาจา
ประวัติพระราธะ
การบวชด้วยวิธีญัตติจตุตถกรรมวาจาครั้งแรก
โปรดพระปุณณมันตานีบุตร

ปริเฉทที่ ๘ เสด็จเมืองกบิลพัสดุ์
แสดงธรรมโปรดพระพุทธบิดา
นันทกุมารออกบวช
รับสั่งให้บวชราหุลกุมารเป็นสามเณร
พระเจ้าสุทโธทนะทูลขอพรการบวชกุลบุตร
พระพุทธบิดาทรงประชวรและบรรลุพระอรหันต์
ถวายพระเพลิงพระบรมศพ
อนาถปิณฑิกสร้างวัดถวาย

ปริเฉทที่ ๙ เจ้าศากยะออกบวช
มูลเหตุที่พระอนุรุทธะออกบวช
พระเทวทัตทำอนันตริยกรรม
ทรงแสดงพระมหาปุริสวิตก ๘ ข้อ
พระอนุรุทธะสรรเสริญสติปัฏฐาน ๔
พระอานนท์ทูลขอพร ๘ ประการ

ปริเฉทที่ ๑๐ โปรดพระพุทธมารดา
ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์
เสด็จจำพรรษาในดาวดึงส์โปรดพระพุทธมารดา
เสด็จลงจากดาวดึงส์
รับผ้าคู่ของพระนางโคตมี

ปริเฉทที่ ๑๑ โปรดพระสาวก
โปรดพระโสณโกฬิวิสะ
โปรดพระรัฏฐปาละ
พระรัฏฐปาละแสดงธรรมุทเทศ ๔ ประการ

ปริเฉทที่ ๑๒ เสด็จดับขันธปรินิพพาน
ทรงปรารภธรรม
ทรงทำนิมิตโอภาส
ปลงอายุสังขาร
บิณฑบาตครั้งสุดท้าย
ทรงรับผ้าสิงคิวรรณ
ผลแห่งบิณฑบาตทาน
ทรงปรารภสักการบูชา
สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล
โปรดสุภัททปริพาชก
โปรดให้ลงพรหมทัณฑ์
ประทานปัจฉิมโอวาท
พระบรมศพไม่เคลื่อนที่
พระนางมัลลิกาถวายสักการะ
ถวายพระเพลิงไม่ติด
แจกพระบรมสารีริกธาตุ
พระเขี้ยวแก้วประดิษฐานอยู่เทวโลก
อันตรธาน ๕
ลำดับพรรษายุกาล

ปริเฉทที่ ๑๓ ภิกษุณี
การออกบวชของพระปฐมสาวิกา
ทรงอนุญาตครุธรรมปฏิคคหณอุปสัมปทา
ทรงแสดงเหตุที่ไม่ยอมให้สตรีบวช
พระนางพิมพาออกบวช

วิชาวินัย (กรรมบถ)

กรรมบถ
ความสำคัญของกรรมบถ
เรื่อง สัฏฐิกูฏเปรต
เรื่อง ลาชเทวธิดา
การให้ผลของกรรม

อกุศลกรรมบถ ๑๐
กายกรรม ๓
ปาณาติบาต การฆ่าสัตว์
เรื่อง นายโคฆาตก์
อทินนาทาน การลักทรัพย์
เรื่อง เวมานิกเปรต
กาเมสุมิจฉาจาร
เรื่อง นางกินนรีเทวี

วจีกรรม ๔
มุสาวาท การพูดเท็จ
เรื่อง กักการุชาดก
ปิสุณวาจา การพูดส่อเสียด
เรื่อง วัสสการพราหมณ์
ผรุสวาจา การพูดคำหยาบ
เรื่อง โคนันทิวิสาล
สัมผัปปลาปะ การพูดเพ้อเจ้อ
เรื่อง บุรุษเปลี้ย
วจีกรรมแสดงออกได้ ๒ ทาง

มโนกรรม ๓
อภิชฌา การเพ่งเล็งอยากได้ของผู้อื่น
เรื่อง นายภัตตภติกะ
พยาบาท การคิดปองร้อยผู้อื่น
เรื่อง อชครเปรต
มิจฉาทิฏฐิ การเห็นผิดจากคลองธรรม
มิจฉาทิฏฐิ ๓
เรื่อง ปูรณกัสสปะ เจ้าลัทธิผู้ถืออกิริยทิฏฐิ
เรื่อง มักขลิโคสาล เจ้าลัทธิผู้ถืออเหตุกทิฏฐิ
เรื่อง อชิตเกสกัมพล เจ้าลัทธิผู้ถือนัตถิกทิฏฐิ
มโนกรรมเป็นไปทางทวาร ๓

โทษของอกุศลกรรมบถ
พฤติกรรมที่เป็นบาป ๔ อย่าง
คนชั่วยิ่งกว่าคนชั่ว
กุศลกรรมบถ ๑๐
ธรรมจริยสมจริยาทางกายกรรม ๓
ธรรมจริยสมจริยาทางวจีกรรม ๔
ธรรมจริยสมจริยาทางมโนกรรม ๓

อานิสงส์ของกุศลกรรมบถ
อุปนิสัย
กุศลกรรมบถโดยอาการ ๕
~ ~ ~ o ~ ~ ~
ผู้จะเข้าสอบประโยคธรรมศึกษาชั้นเอก
ต้องสอบได้ประโยคธรรมศึกษาชั้นโทมาแล้วเท่านั้น

แก้ไขโดย phng เมื่อ 28-07-2017 23:44